สัมผัสดินแดนแห่งเทพนิยาย กับ The Iron Fairies Wine Bar & Restaurant
สำหรับคู่รักที่กำลังมองหาร้านอาหารแบบพิเศษที่ไม่ซ้ำใคร ไว้ไป Dinner ใต้แสงเทียน ในบรรยากาศเสมือนหลุดไปยังโลกแห่งเทพนิยายโบราณ สู่เมืองเวทมนตร์ของบรรดาเหล่านางฟ้าที่ทำจากเหล็กและโลหะ ดูดิบ ๆ ลึกลับและน่าค้นหา แต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของความโรแมนติกที่ซ่อนอยู่ ต้องลองมาสัมผัสบรรยากาศร้านนี้กันดู ชื่อว่า The Iron Fairies Wine Bar & Restaurant (ดิ ไอรอน แฟรี่ส์ ไวน์ บาร์ แอนด์ เรสเตอรองค์)
The Iron Fairies Wine Bar & Restaurant (ดิ ไอรอน แฟรี่ส์ ไวน์ บาร์ แอนด์ เรสเตอรองค์) เป็นบาร์สุด Cool ตั้งอยู่ย่านทองหล่อ ระหว่างซอยทองหล่อ 12 และ 14 (สุขุมวิท 55) ตัวร้านจะเป็นตึกสีดำอยู่ริมถนน ตกแต่งกระจกหน้าร้านด้วยขวดใส่ผงวิเศษของนางฟ้า (Fairies Dusts) ตั้งเรียงรายอยู่เต็มหน้ากระจก สังเกตเห็นได้ไม่ยาก ด้านหน้าร้านสามารถจอดรถได้บริเวณริมถนน แต่มีที่จอดรถไม่มากนัก ถ้าจะให้ง่ายและรวดเร็ว แนะนำว่าให้นั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีทองหล่อ แล้วนั่งรถ Taxi ต่อเข้ามายังร้าน น่าจะสะดวกกว่า
ร้านนี้สร้างขึ้นอย่างมีเรื่องราวที่ว่า มีชายหนุ่มชาวออสเตรเลียผู้หนึ่ง ชื่อ “Ashley Sutton” เป็นผู้ที่มีความเชื่อเรื่องเทพนิยาย เขามีงานอดิเรกเป็นการวาดรูป จึงได้นำแรงบันดาลใจจากวัยเด็กที่เขาทำงานอยู่ในเหมืองแร่ ประกอบกับจินตนาการอันสูงส่งที่มีอยู่ในตัวเอง มาสร้างสรรค์ผลงานการเขียนนิยายเรื่อง “The Iron Fairies” ซึ่งได้รับความนิยมและโด่งดังไปทั่วโลก จนในที่สุดก็ได้นำ Idea มาทำเป็นร้านอาหาร ซึ่งมีทั้งหมด 3 สาขาทั่วโลก คือ นิวยอร์ก ออสเตรเลีย และไทย โดยที่ไทยเปิดให้บริการมาแล้ว 5 ปี ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของคนไทยมากนัก
ภายในร้านตกแต่งเป็น “เหมืองแร่เก่า” ตามแบบฉบับในนิยายอย่างมี Detail ดีมาก เน้นโทนสีดำ บรรยากาศมืดครึ้ม เปิดไฟเพียงสลัว ๆ ดูลึกลับดี ประดับตกแต่งด้วยเหล่าบรรดาเครื่องจักร ตุ๊กตารูปนางฟ้า รูปปั้นแบบโบราณที่ทำจากเหล็ก โลหะ และไม้ ส่วนผนังร้านตกแต่งด้วยแผ่นเหล็กที่สลักลาย The Iron Fairies ทุกแผ่นเรียงต่อกัน มีชั้นวางหนังสือที่เต็มไปด้วยหนังสือนิยายเรื่อง “The Iron Fairies” และขวดใสขนาดต่าง ๆ ที่บรรจุผงวิเศษของนางฟ้า (Fairies Dusts) ซึ่งเป็นกากเพชรสีสันสวยงาม แวววาวระยิบระยับเมื่อถูกแสงไฟ
แนวเพลงร้านนี้ เป็นแนวเพลง Jazz วงดนตรีเล่นกันสด ๆ ด้วยนักดนตรีและนักร้องมืออาชีพ ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ร้องเพลงเพราะมาก ฟังสบาย ๆ ชิลล์ ๆ และในทุกวันจันทร์จะเปิดโอกาสให้ลูกค้าขึ้นมาร้องเพลงได้ด้วย ในช่วง “Open Mic Monday”
ร้านนี้มีทั้งหมด 3 ชั้น โดยชั้น 1 เป็นโซนบาร์และโต๊ะสำหรับลูกค้าที่มา 2 ท่าน หรือเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ส่วนชั้น 2 จะเป็นโต๊ะยาวสำหรับลูกค้าที่มาเป็นกลุ่มใหญ่ และชั้น 3 จะเป็นโซนห้องลับแบบ Private คือ ห้อง Smoking Areas และห้อง VIP สามารถโทรมาจองก่อนล่วงหน้าได้
จุดเด่นของร้านนี้ คือ “บันไดวน” ที่ตั้งอยู่ตรงกลางร้าน เป็นบันไดเหล็กเชื่อมระหว่างชั้น 1 กับชั้น 2 โดยชั้น 2 จะเป็นที่ตั้งของวงดนตรี และสุดทางของบันไดวน จะเป็น Stand ไว้ให้สำหรับนักร้องยืนร้องเพลง นักร้องสามารถเดินขึ้นลงบันไดวนระหว่างที่กำลังร้องเพลงเพื่อพบปะลูกค้าชั้น 1 และชั้น 2 ได้อย่างทั่วถึง
อาหารและเครื่องดื่มร้านนี้เป็น Style อเมริกัน ซึ่งเมนูเด็ดเป็น Burger ที่ขึ้นชื่อว่า “Best Burger in Town” ส่วนเครื่องดื่มจะเป็นจำพวก Wine จากหลากหลายประเทศ และ Cocktail ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว วันนี้เราสั่ง Binzy’s Beef Burger, Fat Gut’z Beef Burger, Cajun Crab Cakes และ Tia’s Tuna Avocado Salad หน้าตาน่าทานมาก ๆ จัดจานมาอย่างสวยงาม มาชิมกันเล้ย ^_^
Binzy’s Beef Burger เป็น Burger เนื้อบดและชีส รสชาติเค็มนิด ๆ ราดด้วยน้ำซอสเข้มข้นสูตรเฉพาะของทางร้าน แป้ง Burger นุ่มมาก ไม่แข็งกระด้างเลย เสริฟมาพร้อมกับเฟรนฟรายด์แท่งใหญ่ กรอบนอกนุ่มใน และสลัดผัก ทานผสมกันอร่อยฟินส์มาก สมกับที่ได้ขึ้นชื่อว่า “Best Burger in Town” จริง ๆ เมนูนี้แนะนำเลย
Fat Gut’z Beef Burger เป็น Burger เนื้อบดและเบค่อน เมนูนี้ก็อร่อยอีกเช่นกัน ใครชอบเบค่อนลองสั่งทานกันดูนะ ร้านนี้เด็ดที่ Burger จริง ๆ อร่อยทุกเมนูเลย ชอบมาก
Cajun Crab Cakes เป็นเนื้อปู อัดแน่นมาเป็นชิ้นเหมือนเค้ก รสชาติเค็มเล็กน้อย ทานคู่กับซอสมะม่วงเปรี้ยวอมหวาน เข้ากันดีมาก
Tia’s Tuna Avocado Salad ใช้ทูน่าสดหั่นเป็นชิ้นโต ๆ ย่างมาแบบสุกกำลังดี เสริฟพร้อมกับผักสด อโวคาโด้หั่นชิ้น และน้ำสลัด Homemade สูตรเฉพาะของทางร้าน อร่อยลงตัว
มาดูเครื่องดื่มที่เป็น Signature ที่แนะนำให้ลองชิมกันบ้างดีกว่า ^_^
Smoke in a bottle เป็นการนำ Oregano มาเผาให้เกิดควัน แล้วใส่ควันลงไปในขวด เพื่อให้เครื่องดื่มมีกลิ่นหอมของ Oregano เสริฟมาพร้อมกับ Blueberry สดเป็นลูก ๆ รสชาติเปรี้ยวอมหวาน ปนขมเล็กน้อย อร่อยดี
Watermelon daiquiri with fairy dust burnt marshmallow หอมกลิ่นแตงโมอ่อน ๆ เสริฟมาพร้อมกับ Marshmallow ชั้นโต ๆ หอม ๆ
Miner’s Old Fashioned หอมกลิ่นส้มโอ เสริฟคู่กับผลไม้เชื่อม สีสวยน่าทาน
Burning bush ก่อนเสริฟจะนำ Rosemary มาเผา ให้เครื่องดื่มมีกลิ่นหอม ๆ ของ Rosemary ทำให้ทานแล้วรู้สึกสดชื่น
Jasmine white fairy โรยหน้ามาด้วยดอกมะลิสด หอมละมุนมาก ใครชอบดอกมะลิ แนะนำให้ลองชิมดูนะ
Absinthe เป็น Cocktail 6 สี ได้แก่ เขียวอ่อน, ขาว, เขียวเข้ม, แดง, ฟ้า และดำ สีสวยมาก รสชาติแตกต่างกันไป ตามชื่อดังนี้
– Legendary Absinthe (Green Fairy) (แรงสุด)
– Absinthe Suisse (White Light)
– Absinthe Sour (Green)
– The Iron Fairy (Red)
– Naughty Blue Dust (Blue)
– Dark night (Black)
ใครกำลังมองหาร้านอาหารแบบอเมริกัน ในบรรยากาศสุดพิเศษที่ไม่ซ้ำใคร ปนความลึกลับซับซ้อนแบบเทพนิยายยุคโบราณ ผสมผสานกับความโรแมนติก ไว้ไป Dinner กับคนรัก หรือปาร์ตี้กับเพื่อนฝูง พร้อมชิมเมนู Best Burger in Town และเครื่องดื่มสูตรเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์ มาลองร้านนี้กันได้น้า Burger อร่อยสมคำร่ำลือจริง ๆ ^_^
เวลาเปิด-ปิด:
เปิดทุกวัน เวลา 18.00 – 02.00 น.
Tel: 02-714-8875, 099-918-1600
Website: http://www.theironfairies.com/
FB: https://www.facebook.com/ironfairiesbkk/